วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

600BRM, Pattaya - Trat (20/6/2015)

สวัสดี วันนี้เส้นทางที่แนะนำยังเป็นเส้นทางของ Audax อยู่ครับ  โดยเส้นทางนี้ณวันที่เขียนบล็อคนี้ ถือว่าเป็นเส้นทางที่มีระยะทางยาวที่สุดในประเทศไทย ด้วยระยะทาง 600 กิโลเมตร (ขับรถยังเหนื่อย)  กับเวลาในการปั่น นอน กิน เที่ยว ถ่ายรูป เข้าห้องน้ำ วิดพื้น แวะดูหนัง (ออกทะเลและ) สรุปคือ ทำยังไงก็ได้ในเวลา 40 ชั่วโมง ให้ปั่นจักรยานให้ได้ระยะทาง 600 กิโล  นั้นไง แค่ฟัง(อ่าน) ก็รู้สึกมันๆแล้วชะมะล่า  งั้น เชิญรับชมรับฟังกันได้เลยครับ

ปล. รีวิวรอบนี้ ยาวหน่อยนะครับ เพราะว่าระยะทางมันยาวเกินมนุษย์ แนะนำให้ทานข้าว เข้าห้องน้ำก่อนนะครับ


ต้องออกตัวก่อนเลยว่าการไปปั่นรอบนี้ ไม่มีความมั่นใจเลย  ความที่จะจบทริปได้รู้สึกจะไม่ถึง 50% เลยขอมาตั้งกระทู้นี้ตั้งแต่วันที่ยังไม่ไปปั่นนะครับ จะได้อารมณ์สดๆว่าก่อนไปเตรียมตัวยังไง พิมพ์บอกกับตัวเองอะไรเอาไว้ พอจบ(หรือไม่จบ)ทริป ก็จะเข้ามาเล่าต่อนะครับ จะได้ลุ้นไปด้วยกัน

หลังจากได้ไปปั่น 400 มา ได้ข้อสรุปว่า  ขาอ่อนปั่นเร็วไม่ได้  ,ปวดมือมากมายเพราะเป็นหมอบอลูกระด้างๆ ,แถมตรูดเป็นแผลอีก  เนื่องจากการปั่นนานเกินไป แล้วตรูดยังไม่ได้เทิร์นโปร (ยังไม่ด้านพอ) ,อีกทั้งการง่วงตั้งแต่ตื่นนอน  เพราะตื่นเต้นนอนไม่หลับ

แนวทางการแก้จึงวางแผนไว้ดังนี้
- ขาอ่อนปั่นเร็วไม่ได้  = ไม่รู้จะแก้ยังไง ก็ปั่นช้าๆก็ได้ พักน้อยๆหน่อยก็ได้
- ตรูดเป็นแผล = แก้โดยเอากุงเกงไปสองตัว  เผื่อว่ามันจะได้กระจายแผลไปได้ตัวละนิดตัวละหน่อย
- ตื่นเต้นนอนไม่หลับ = คืนก่อนหน้าวันออกปั่นก็นอนน้อยๆหน่อย งดกาแฟ อีกคืนจะได้ง่วงๆ (รึเปล่า)
- ปวดมือ = ปัญหานี้แก้โดยเดินไปร้านจักรยานพร้อมกับพูดว่า “เฮีย ขอไตรบาร์ราคาถูกที่สุดมาชุดนึงคร้าบบบ”
เมื่อได้วิธีแก้ปัญหาทั้งหมดแล้วก็มาเริ่มซ้อมกันเลย


ใส่แล้วดูหล่อหรือดูรกเอ่ย  ออกไปทางอย่างหลังแหะ



มาดูการเตรียมของก่อนไปกันดีกว่า เอาของมาวางเรียงเหมือนเดิม  ดูได้จากกระทู้เก่า แต่ส่วนที่เพิ่มเติมจาก 400 คือ เอาเสื้อไปเพิ่ม จาก2เป็น 3  กางเกงเพิ่มจาก 1เป็น 2 ที่เหลือของในเป้ก็เหมือนเดิม 


แต่ที่ไม่เหมือนเดิมมาดูที่รถกันดีกว่า รกไปหมด 
แน่นมากกกกกกก

อะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ นน.น่าจะเพิ่มขึ้นมาอีกเกือบ 2 โล 555 สำหรับรอบนี้มีติดมือถือเอาไว้ดูแผนที่ด้วย เหตุเพราะจากการปั่นครั้งที่แล้วพอมืดปุ๊บ เซนต์แห่งการหลงทางตื่นขึ้นทันที หลงตอนกลางวันยังโอเคไง  แต่หลงกลางคืนจะไปออกป่าช้าที่ไหนนี่ไม่เอานะ

พอดูมุมนี้มันก็ไม่รกเท่าไรน้าาาาา (ปลอบใจตัวเอง

.ต่อมาก็มาถึงการสรุปแผนที่เอาไว้ในหัวก่อนปั่นจริง มีทำตารางเอาไว้ด้วย  ตอนทำก็จินตนาการความหิวความเหนื่อยความปวดตรูดเอาไว้ด้วย


ก่อนจะไปตั้งใจว่าจะนอนตอนห้าทุ่มตื่นตีสี่ ขับรถไปพัทยา ถึงตอนเกือบๆเจ็ดโมงพอดี ปิดคอมเข้านอนตอน ห้าทุ่ม......................................จนเที่ยงคืน   เห้ย นอนไม่หลับ

ตามแนวทางการแก้จึงวางแผนไว้ว่า - ตื่นเต้นนอนไม่หลับ = คืนก่อนหน้าวันออกปั่นก็นอนน้อยๆหน่อย งดกาแฟ อีกคืนจะได้ง่วงๆ  ซึ่ง มันก็ง่วงเบาๆอยู่นะ  แต่นอนไม่หลับหง่ะ ตื่นเต้น  เอาไงดี  ถ้านอนไปเรื่อยๆกว่าจะหลับก็กลัวไม่ตื่นอีก เอางี้งั้นขับรถไปพัทยาเลยละกัน ถึงพัทยาประมาณ ตี 3 ก็น่าจะง่วงได้แล้วมั้ง
ศาลา-ว่าการเมืองพัทยา ตอนตี 3 จ้า
มาถึงก็ขึ้นไปอาคารจอดรถเลย จะเอนเบาะนอน  อ้าวเห้ย.....จักรยานอยู่เบาะหลัง เอนเบาะไม่ได้ (Honda city)อ่ะๆ  นั้งหลับก็ได้
แต่ขนาดนอนมันยังไม่หลับเลย  แล้วนั่งมีรึจะหลับ  สรุปว่านั่งแค่หลับตายันหกโมงเช้า ใช่ครับ แค่นั่งหลับตาจริงๆ แต่ไม่หลับ แย่แล้ว จะปั่นไหวมั้ยนี่  (ถอดใจไปแล้ว 25%)

ลืมตามาหกโมงเช้า (ไม่ได้ลืมตาตื่นนะ  ลืมตาเฉยๆ) ประกอบรถ กินมื้อเช้าง่ายๆ  ขนมปังกาแฟ แล้วก็นั่งงอนตัวเองหน่อยๆ  ทำไม่นอนไม่หลับว้าาาาาาา

ท้องฟ้ากำลังสวยเลย ว่าแต่เด๋วนะๆๆ เมฆตอนเช้าทำไมมันมีแค่นั้นละ เมฆฝนดำๆมืดๆอยู่ไหน #เห็นแดดแล้ว เห็นอนาคตอันไหม้เกรียมเลย

ไปลงทะเบียน พร้อมรับใบประทับตรา Cuesheet หนามาก
เพาเวอร์บาร์ เวอร์ชั่นคนไทย ไม่ได้ทานอีกตามเคย กลัวมือเปื้อน (แหม๋ทำเป็นสอาด ได้ข่าวว่าต่อไปปั่นจักรยานน้ำก็ไม่อาบ)

ถ่ายรูปรวมพลกันก่อนออกไปทรมานกัน เลยยิงสวนไปภาพนึง

จากข้อมูลในเว็บ Audax
จากจำนวนคนลงสมัคร 366 ท่าน
มาปั่นจริง 328 ท่าน
DNF ไปถึง 154 ท่าน
Qualify แค่ 172 ท่าน

สรุปว่า สนามนี้ โหดจริงอะไรจริง เพราะคนที่ตัดสินใจมาปั่นงานนี้ อย่างน้อยต้องมีความมั้นใจในระดับนึง
แต่ของผมนี้ ความมั้นใจในตอนนี้มีไม่ถึงครึ่งซะแล้ว


7.00 น. เราก็ออกตัวกันแล้วครับ ช่วงแรกๆของทริปก็เป็นเหมือนกันหมดที่นักปั่นยังเกาะกลุ่มกันอย่างกลมเกลียว เราปั่นภายในตัวเมืองพัทยา เลียบหาดจอมเทียน นักท่องเทียวระหว่างทาง ก็มีถ่ายรูป โบกมือทักทายรู้สึกโกอินเตอร์ยังไงไม่รู้ 555
ปั่นเกาะกลุ่มกันไปเรื่อยๆ  ชอบมากมีหลายขาให้เลือกดูดเลย (จขกท.เป็นปลิงขาอ่อนครับ) แต่ก็คุมความเร็วอยู่นะครับ ไม่ให้เกิน 28 เพราะเคยพลาดตามดูดไม่ดูแรงขาตัวเองเมื่อตอนทริป 400 โลมาแล้ว

ปั่นมาไม่นานก็มาถึง กม.ที่ 40.6 Control Point: ร้านกาแฟ (ปั๊มน้ำมัน ปตท.) ตามแผน วางไว้ว่ามาถึงตอน 8.41 มาถึง จริง 8.45  โอเคตามแผนเลย
ที่จุดนี้ คนเริ่มซื้อของกินตุนกันแล้ว ดูสิ  เต็มหน้า 7/11 เลย

Control Point. ใช้วิธีเซ็นลายเซ็นให้เหมือนของเดิม อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามาเหนื่อยๆมือสั่นแล้วกลัวจะเซ็นไม่เหมือนเดิมจัง

พักพอเป็นพิธีพอ รีบออกมาก่อนดีกว่า กะว่าเราออกมาก่อนไง พอขาแรงเค้าปั่นแซงเราไปเราก็กระโดดงับเกาะติดกับเค้าไปเลย

ปั่นๆไป แดดก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเอาน้ำราดหัว เพื่อลดอุณหภูมิบ้างแล้ว ส่วนตัวแล้วกลัวอาการ ฮีทสโตรก มาก เพราะเป็นคนหัวใจเต้นเร็ว ยิ่งถ้าเจออากาศร้อนเข้าไปอีก จะวายตายกันซะก่อน
ปั่นเพลินๆอยู่ดีๆ ได้ยินเสียง  กร้วมมมม........  ชิหายละ ล้อหน้า ยางแบนจร้า  ตกใจมาก เพราะเชื่อหรือไม่ครับว่า ตั้งแต่ซื้อรถคันนี้มา  ไม่เคยยางหน้าแบนเลย นับอายุได้ก็ 4 ปีแล้ว ส่วนล้อหลังหน่ะเหรอ รั่วประจำ จนเปลี่ยนมาใช้ยาง GP4000 เท่านั้นแหละ ก็ไม่ค่อยรั่วอีกเลย

ที่ยางหน้าแบน อันนี้เดานะครับ ว่าเพราะติดไตรบาร์เข้าไป น้ำหนักตัวก็เลยไปเพิ่มที่ด้านหน้ามากขึ้น  ประกอบกับ  ไม่ได้สูบลมให้แข็งเพราะกลัวเรื่องปวดมือ  (จริงๆลืมสูบด้วยแหละ) หรือว่าอาจจะมีอีกเหตุผลนึง คือก่อนมามีเพื่อนส่งปฏิทินจีน หรือปฏิทิน อะไรมาให้ดูนี่แหละ แล้ว วันที่ 20 ก็ตรงกับช่องวันซวย ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ  เห๋ยย  หรือว่าเรื่องที่วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่มได้จะมีจริง  เริ่มเลอะเทอะออกทะเลแล้ว 555

ยางแบนไม่เป็นไร เราพกของมาเยอะอยู่แล้วอุว๊ะ 555  แต่เนื่องจากไม่ได้ เปลี่ยนยางมาร่วม 2 ปีแล้ว แถมยางหน้าก็ดันเป็นขอบลวดซะด้วย  เอ้ยยย...มันงัดยังไงอ่ะ งัดไม่ออก  งัดไปงัดมา   โป๊ะ!!!...  ตัวงัดยางหักจร้า  ตาเหลือกเลยทีนี้ ปรกติมีสองอันก็งัดไม่ได้แล้ว นี่เหลืออันเดียวจะงัดยังไงดีละทีนี้


เก้ๆกังๆ งัดยางด้วยที่งัดยางอัดเดียวตั้งนาน มืออาชีพด้านการเปลี่ยนยางมอเตอร์ไซค์ ก็คอยให้กำลังใจอยู่เป็นระยะ (โชคดีมาแตกตรงร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์พอดี) ถามว่าพี่เอาที่งัดยางมอไซค์ป่าว แข็งพี่ไม่หักเหมือนของพี่แน่ๆ  ใช่สิที่งัดยางไม่หักแต่ล้อจักรยานได้เบี้ยววแน่ๆ  เสียเวลาไป เกือบชั่วโมง ถึงจะงัดยางออกมาจากล้อได้  จริงๆมันไม่ได้ยากเลยนะพอทำเป็นแล้ว รู้งี้ฝึกงัดยางอยู่บ้านซะก็ดีหรอก

เดียวก็เปลี่ยนเป็นล้อทองซะหรอก

รันทดชีวิด นอนก็ไม่ได้นอน ยางยังแตกอีก ปั่นไปบ่นไป แหนะเริ่มง่วงขึ้นมาตะหงิดๆแล้ว (ตอนนี้ถอดใจไปอีก 25% รวมเป็น 50%แระ)  แต่มีข้อดีของการยางแตกเหมือนกันนะ เพราะเวลาจะเป็นการแบ่งความแข็งของขา ช่วงนี้ปั่นออกมาเจอแต่คนแรงขาประมาณเดียวกัน  ก็ดีนะครับปั่นไปเรื่อยๆไม่เร่ง ไม่เหงาดี

ปั่นฝ่าความร้อนจนมาถึง กม. 84.1 Checkpoint 1: สวนสุภัทราแลนด์ 09:28 - 12:36  ตามเวลาที่วางแผนไว้คือ มาถึงตอน 10.45  แต่เอาเข้าจริง มาถึงตอน 11.30 ช้ากว่าแผนไปเกือบชั่วโมง
มาสวนผลไม้ก็ต้องมีผลไม้มาให้ทานด้วย  มีเงาะ กับอะไรอีกอย่างนี่แหละ  แต่ไม่ยักกะมีทุเรียนแหะ 555

ต่อเลยละกันครับ หนทางยังอีกยาวไกล
ออกตัวจาก Checkpoint 1 ตอน11.45  ช้ากว่าแผน 45 นาที เส้นทางเป็นถนนเรียบๆ แดดๆ ต้นไม้ไม่ช่วยอะไรเพราะพระอาทิตย์ตรงหัวพอดี  แต่ถ้ามาปั่นตอนเช้าๆ หรือเย็นๆนะ  โอเครเลยแหละเส้นทางนี้

ช่วงนี้ กลุ่มแตก เป็นหย่อมๆ ปั่นเดี่ยวมาเรื่อยๆ ก่อนออกมาจาก CP1 ก็ชุบตัวด้วยน้ำไป1รอบ แต่ปั่นมาได้ไม่เท่าไรก็ต้องเอาน้ำราดหัวอีกแล้ว แต่พูดไปรอบนี้ความร้อนยังไม่โหดเท่าตอน 400 รอบที่แล้วเลยนะ รอบนั้นทั้งร้อน ทั้งแดดแยงตาไม่ไหวเลยละเธอว์

แวะที่จุด 115.5 เพื่อเติมน้ำ และของกินตามแผน เจอเพื่อนนักปั่นจอดที่ร้านนี้หลายคน  สงสัยทำเลดี แต่ละคนบ่นเหมือนกันหมดว่าร้อน  อยากให้ฝกตก กลัวมันจะไปตกเอาตอนกลางคืนนี่แย่เลยนะ แอบได้ยินพี่คนนึงพูดให้กำลังใจเพื่อนในกลุ่มเค้าว่า
"เราต้องอย่าไปคิดว่า มาได้กี่โลเหลืออีกกี่โล มันจะท้อ ให้คิดว่า อีกไม่กี่โลก็จะถึงด่านต่อไปแล้ว (CP) เคลียร์ด่านไปทีละด่านแค่นี้ก็ดูไม่ไกลแล้ว"

แอบได้ยินแต่เห็นด้วย 100% เลยมีกำลังใจขึ้นทันที  ว่าแล้วก็กระดกกาแฟกระป๋อง ป้องกันการหลับระหว่างปั่น เติมน้ำกินขนมปังรองท้อง แล้วก็ไปต่อเลย ตามแผนคือไปกินกลางวันที่ CP2  อยากกินอาหารที่เป็นอาหารจริงๆบ้างแล้ว อยุ่บนจักรยานกินแต่ ขนมปัง คุกกี้ กะบรรดาน้ำขวดเกลือแร่ยี่ห้อต่างๆ เริ่มเบื่อแระ

ในกราฟดูดีๆมีขึ้นเนินเยอะเหมือนกันนะ
ปั่นมาเรื่อยๆ หิวๆ จนถึงจนได้ หมดแรง ง่วงนอน หิวข้าว  (มาครบๆ) กม 141.2 Checkpoint 2: ร้านสะดวกซื้อ 7/11 11:09 - 16:25 ตามแผนคือมาถึงตอน 13.44 ถึงจริงตอน14.24 ก็ยังช้ากว่าแผนอยู่ 40 นาที  ที่CP2นี่ ให้ทำการซื้อของใน7/11 แล้วนำใบเสร็จไปเป็นหลักฐานอีกที  ซื้อของเสร็จ ในปั้มมีร้านอาหารร้านเดียว เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวซะงั้น เอาจริงๆเลยนะ ผมว่าก๋วยเตี๋ยวมันไม่ค่อยอยู่ท้องอ่ะครับ สู้ข้าวไม่ได้ แต่ทำไงได้ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นห้องแอร์ซะด้วย ไม่ต้องคิดมากเลย แค่เข้าไปนอนฟุบที่โต๊ะตากแอร์แป๋มนึงก็คุ้มแล้ว

อาหารจริงๆมื้อแรกของวัน 

ได้พัก ได้กิน ได้งีบ แม้จะเป็นเวลาไม่นานนัก  แต่มันก็ช่วยให้กลับมามีแรงมากขึ้นนะ  ออกมาตอน 15.00 ช้ากว่าแผนไป 30 นาที พระอาทิตย์เริ่มหมดแรงลงมาแล้ว หันแสงมาเผาทางก้น ต้องเอาน้ำที่ราดหัวมาราดก้นเพิ่มด้วย 555  เส้นทางเป็นถนนเรียบๆ มีเลนจักรยานให้เกือบตลอดทางด้วยนะ แต่ลักษณะผิวของเลนจักรยานจะเหมือนของที่สนามเขียวคือ เป็นคลื่นๆหน่อยๆเพื่อไม่ให้ถนนลื่นแม้ฝนตก  ถ้าเอามือจับแฮนด์ไปตลอดทางมีมือชากันแน่ๆ  ปั่นไปเรื่อยๆ สบายๆเพราะมีลมส่ง ไม่นานนัก(สองชั่วโมงเต็ม)เราก็มาถึง

ปั่นยาวๆเพลินๆ  ก็เจ็บตรูดเหมือนกันนะ

กม. 185.4 Control Point จุดชมวิวเนินนางพญา ถึงตอน 17.00 ตามแผนคือ16.30  มาถึงก็หิวอีกแล้ว ตอนปั่นคิดว่าที่CT จะมีข้าวต้มมัด  ครั้งนี้ละไม่สนเรื่องมื้อเปื้อนแล้ว  แต่อกหักอย่างจัง  มีแต่น้ำเกลือแร่เท่านั้นเอง
อากาศกำลังดี  ลมแรงวิวสวย  แต่ไม่ได้ถ่ายรูปวิวมานะครับ  อยากให้ปั่นมาดูกันเองว่าสวยจริงๆนะ (จริงๆลืมถ่าย)

ที่จุด CT จะใช้วิธีการ เซ็นชื่อเข้าห้องเรียนเหมือนเดิม
ป๋มตั้งใจจะถ่ายป้าย Checkpoint  กิงๆนะ

ออกจากจุดชมวิวเนินนางพญา ตอน 17.18 ช้ากว่าแผน 33 นาที ถอดแว่นดำ ใส่แว่นใสแทน  ตามกำหนดการ CP3 ตอน 18.26 น่าจะทันก่อนพระอาทิตย์ตกพอดี ก่อนออกก็เปิดไฟท้ายไว้หน่อย เผื่อว่าจะมืดเร็วกว่าที่คิด

ปั่นตามหาดเจ้าเหลาเย็นสบาย ลมส่งแรงด้วย อย่างงี้ทำเวลาตีตื้นได้โดยไม่เหนื่อยแน่ๆ  ส่วนที่ชอบที่สุดของทริปนี้ คือถนนช่วงระหว่างหาดเจ้าเหลาไปสะพานแขมหนู เป็นถนนลัดเลาะตามไหล่ทางเขา ต้นไม้หนาๆ วิวสวยๆ ชอบจริงๆเลย  เหมือนเดิมครับไม่มีรูปให้ดู อยากเห็นต้องปั่นไปดูเองนะ  ย้ำว่าต้องปั่นนะ  ขับรถไปไม่ได้อารมณ์หรอก

แล้วก็มาถึงสะพานแหลมสิงห์ ก่อนจะมืดหน่อยเดียวเอง 

Checkpoint 3: จุดชมวิวแหลมสิงห์ 13:35 - 21:50  ตามแผน คือมาถึงตอน 18.26 มาถึงจริง 19.02 ช้ากว่าแผน 35 นาที (เสมอต้นเสมอปลายจริมๆ)
คนพักกันเต็มเลย เพราะมีอาหารเย็นให้ด้วยครับ

ใช้เวลาไปแล้ว 12 ชั่วโมง เต็มๆ


อาหารเย็นมีเป็นข้าวราดแกงไก่  กับแกงจืด  วิญญาณน้องพลับเข้าสิงบอกขอสองจร้า จังหวะนี้ทานอะไรก็อร่อยครับ มิน่าปั่นจักรยานตั้งไกล ไม่เห็นจะผอมซะที (ก็มันกินกันตลอเว)
กินข้าวริมทะเลท่ามกลางแสงจันทร์ โรแมนซ์อะไรอย่างงี้
ทานข้าวอิ่ม ติดอุปกรณ์กลางคืนก็มี เสื้อสะท้อนแสง ไฟหน้า 2 ดวง (เล็กๆจางๆ) ไฟหลัง2ดวง  เอามือถือมาติดกับจักรยานไว้ดูแผนที่เส้นทางด้วย แล้วก็ออกปั่นต๊อกแตกไปในความมืดคนเดียว  ซักพักมีนักปั่นชวนเข้ารวมกลุ่มว่ากลางคืนแล้วอย่าปั่นคนเดียวเลย  ให้ไปด้วยกัน  ยิ้นยอมพร้อมใจอยู่แล้ว เสร็จปลิง555

แต่ไม่รู้ว่าลืมกันไปรึยังครับว่าจขกท. ไม่ได้นอนมาเมื่อคืน  อาการมันเริ่มออกแล้ว(วันนี้ซัดกาแฟกระป๋องไป 4 กระป๋องแล้วนะ) ปั่นตามหลังเรื่อยๆมองดูไฟท้ายรถคันหน้ากระพริบๆๆๆๆๆ...........ZZZZZzzzzzzz……… เอ้ยหลับใน  รู้สึกเหมือนโดนสะกดจิตอยู่ยังไงยังงั้น แย่แล้ว ถ้าปั่นง่วงๆในกลุ่มเค้าเด๋วจะพาไปเกี่ยวคันอื่นล้มไปด้วย เลยขอถอนตัวออกมาก่อน ปั่นคนเดียวร้องเพลงฮึมฮัม น่าจะพอช่วยได้  แต่กลุ่มจอดแวะซื้อของกันที่ 7/11 พอดี ด้วยความเกรงใจไม่กล้าบอกว่าง่วงแวะนอนกันได้มั้ย 555จึงขอแอบปั่นคนเดียวออกมาดีกว่า เผื่อว่าเจอศาลาจะได้แวะงีบหน่อย

พอดีมีกลุ่มขาแรงแซงขึ้นมา บวกกับลมส่งและต้องการหาความตื่นเต้นจะได้ไม่ง่วง ผลว่าช่วยได้  หายง่วงเลยความเร็วโอเค เร็วเลยแหละสำหรับระยะทางขนาดนี้ ปั่นๆไป  ทำไมรถมันเป๋ๆหว่า  อุ๊ต๊ะ!!! gp2000 ที่ภูมิใจว่ายางไม่รั่ว ไปซะแล้ว  นี่มันเป็นวันซวยอะไรเนี๊ยะ ทริปใกล้ๆ กลางวันๆทำไมไม่ไปรั่วว้าาาาเจาะจงมาลงทุกอย่างที่ทริปนี้เลย  อ่ะไม่เป็นไร ซ้อมเปลี่ยนยางมาแล้วตอนกลางวัน ยิ่งล้อหลังเป็นขอบพับด้วย สบายแงะง่าย

บรรจงถอดล้อ  เปลี่ยนยางใหม่ สูบลมเข้า อุ๊ยหมูๆ แค่เสียเวลาเพิ่มอีกแค่ 15 นาทีเอง แล้วระหว่างสูบก็ได้ยินเสียง ปุ๊!!!!ฟี๊ๆๆ........  ไอ๋หย๋า ยางสำรองเส้นที่สองไปซะแล้ว ตัวเศษแก้วที่ปักคายางลืมเอาออก ยางใหม่เข้ามาก็เลยเจอแทงไส้ไหลไปอีกเส้น

แต่ไม่เป็นไรเราเอายางมา 3 เส้น อ่ะๆๆถอดใหม่ ใส่ใหม่ๆง่ายๆ พอสูบลบปุ๊บ  เอ๋ไหงสูบไม่เข้าหว่า  โอ้วม้าวแจ้!!  ยางสำรองรั่วตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้ สงสัยคงจะเกิดจากการเก็บที่ไม่ดี เพราะเอาไปใส่รวมไว้กับพวกชุดอุปกรณ์ที่กระเป๋าแขวนเบาะ แล้วก็ไม่ได้ใส่กล่องไว้ มันคงโดนอะไรทิ้มเสียชีวิตตนอนเน่าในกระเป๋ามาตั้งนานแล้วพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง    ตอนนั้นรู้สึกจบกันแล้วชีวิต audax 600 ถอดใจแล้ว จบเกมส์ดีฟ่าไม่เอาแว้ว

มีชุดปะยาเอามาด้วยก็จริง แต่บอกตรงๆไม่เคยปะสำเร็จเลยสักครั้งเปลี่ยนใหม่ตลอด ระหว่างที่กำลังจะหยิบ Cuesheet เพื่อหาเบอร์ฉุกเฉินช่วยเหลือ   พี่เจ้าของบ้านก็ออกมาดูเพราะหมาเค้าเห่าเราตั้งนานแล้ว  แล้วก็ให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ยกจักรยานเข้าบ้านให้แล้วบอกว่า "น้องไปปะในบ้านพี่ดีกว่า ตรงนี้มันมืดอันตราย แล้วพี่จะโบกเรียกเพื่อนๆน้องให้มาช่วยเอง"  โอ้ยซึ้งน้ำตาจะไหล   และแล้วก็มีรถพับคันนึงวิ่งมา  พี่เจ้าของบ้านรีบออกไปดักเลย  แล้วบอกว่ามีรถยางแตกอยู่ข้างใน  (เออ่มพี่ครับ ล้อรถเราคนละขนาดกันพี่) นักปั่น Audax โดยปรกติทั่วไปแล้ววถือว่าเรื่องยางแตกคือเรื่องพื้นฐานเหมือนแกะตะขอก่อนเข้าห้องน้ำ พี่รถพับก็ตะโกนบอกมาว่า “โอ๊ย!! เดียวเค้าก็จัดการได้เองแหละ” แล้วก็ปั่นเลยไป  (ซึ้งน้ำตาไหลรอบสอง) แล้วเจ้าของบ้านก็โทรเรียกน้องชายที่ปั่นเสือหมอบมาช่วยปะยางให้ (น้ำตาไหลรอบสาม)แต่ที่ปะยางของผมที่ติดมาด้วยไม่ยักกะมีกระดาษทรายติดมาด้วยแหละ คือปะกันไม่เป็นทั้งเจ้าของรถทั้งคนมาช่วย 555  แต่ก็พยายามปะกัน   จนสุดท้ายแล้วพอจะปะได้ ต้องขอขอบคุณพี่เจ้าของบ้านจริงๆที่มาช่วยระงับความโมโหถอดใจเอาไว้  ถ้าพี่มาช้าไปอีกนาทีเดียว  ผมคงกดมือถือขอถอนตัวไปเรียบร้อยแน่ๆเลย

นอนตายระหว่างทาง  เกือบจะไม่ฟื้นซะแล้ว

เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง  ปั่นต๊อกแต๊กออกมาได้ โลนึงมั้ง  แล้วก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย  ปุ๊!!ฟี้ๆๆ.... ยางรั่วเหมือนเดิม   เอิ่ม.............. จะให้ถอนตัวให้ได้จริงๆใช่มั้ยนี่

ปั่นบดยางไปเลยละกัน  ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ เจอใครผ่านมาคงต้องขอความช่วยเหลือแล้วละ หรือถ้าไม่มีก็ปั่นบดๆไปอย่างงี้แหละ (ทำได้เพราะล้อติดรถราคาถูกใช้มาคุ้มแล้ว แล้วยางนอกก็เก่าแล้วไม่เสียดาย) แต่อันตรายอยู่นะ เจอขอบสะพานทีก็เป๋ที แต่ในโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่นะครับ ปั่นบดมาได้ประมาณ 2 กิโล ก็เจอปั้มน้ำมันและที่สำคัญเจอกลุ่มจักรยาน อ้ายยยย!!!ดีใจป่านว่าเจอพลอย เฌอมาลย์ บอกรัก

แต่พอปั่นไปใกลๆอาการเขิลเกรงใจขึ้นมาหน่อยๆ ไม่กล้าขอยางในเค้าอ่ะ  เขิล...เหมือนว่าเตรียมตัวมาไม่ดี  ก็กระมิดกระเมียนถามว่าพี่ครัพ  พอจะมียางในเสือหมอบให้ยืมหน่อยมั้ยครัพ (แล้วแกจะคืนเค้าตอนไหน) แต่นักปั่น Audax ใจดีกันอยู่แล้ว เอายางในมาให้ทันทีเลย โอ้วขอบคุณมากๆจริงๆครับ  ไม่ได้ยางในเส้นนี้มานี่ คงขอถอนตัวตรงจุดนี้จริงๆเลยละ

เปลี่ยนยางเสร็จ ก็มีกลุ่มใหม่ตามเข้ามาสมทบที่ปั้ม พร้อมทั้งให้ยืมที่สูบลม โดยที่ผมไม่ต้องพูดอะไรเลย  เป็นไงละน้ำใจคนไทยมีจริงๆนะ ได้สูบบตัวนี้มามั้นใจขึ้นเยอะเลย  เพราะสูบลมที่ผมมีมันไก่กาสูบไม่ค่อยเข้ายังไงไม่รู้ แถมยังบอกว่าให้ไปด้วยกันอีกแนะเพราะถ้ายางแตกอีกจะได้ใช้ของเค้าได้  เอ้ยยยยใจดีเกินไปแว้วน้ำตาจะไหลเป็นรอบที่4

ตอนนี้อยู่กม.ที่ 245   ตามแผนจะมีปั้มน้ำมันอีกที กม.268  ระยะทางแค่ 23 โลเอง  แรงมีเต็มเปี่ยม เพราะพักปะยางมานานเกิ๊น อีกทั้งลมยังส่งอย่างรุนแรง (ถ้าพรุ่งนี้ลมไม่เปลี่ยนทิศนะ ตายๆๆ)

ณ ตอนนี้ ไม่คิดแล้วนะครับว่าจะปั่นจบทริปนี้  เพราะง่วงมาก แล้วก็เลยเวลาที่วางแผนไว้ร่วม ชั่วโมงครึ่ง  แล้วในแผนก็มีเวลานอนแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง สรุปคือแทบไม่เหลือเวลาและความเป็นไปได้ที่จะจบแล้ว  แต่ก็ดันทุรังปั่นไปก่อน อยากรู้ว่าตวเองจะไปได้ถึงขนาดไหน  (อุตสาวางแผนมาซะเยอะเสียดายไง)

เกือบจะเอาตัวไมรอดแหนะ  แตกได้แตกดี

ที่กม.268 จอดแวะปั้ม โด๊ปกาแฟ และอาหาร (กาแฟนี่กินเป็นน้ำเลย)  แวะเข้าห้องน้ำปล่อยของที่กินไปตั้งเยอะออกหน่อย แต่ไม่ออก นี่ร่างกายเราสามารถสันดาปเชื้อเพลิงได้ 100% เลยหรือนี่ (ไปกันใหญ่แล้ว) เพราะระยะทางหลังจากนี้ไปจนถึง CP4 ตามที่เช็คใน google จะไม่มีจุดให้พักแล้ว  แล้วก็เป็นตามนั้นจริงๆ หลังจากเลี้ยวขวา แยกแสนตุ้ง ไปทางท่าเรือเฟอร์รี่เกาะช้าง  ชีวิตเปลี่ยนเหมือนมาปั่นจักรยานในแดนสนทยา มืดมากกกกกกกอไก่หมดโลก  ไม่ปั่นคนเดียวเด็ดขาด เพราะไฟหน้าที่ติดรถมาด้วยนี่ ความสว่าง 2 แรงเทียนแบบจะดับมิดับแหล่  ปั่นตามกลุ่มไปเรื่อยๆ อยากปั่นเส้นนี้ตอนกลางวันเหมือนกันนะ  ท่าทางจะร่มรื่นมาก อากาศเย็น ไม่มีทีท่าของลมฝน ปั่นสบายมาก   แป็บๆก็ปั่นมาถึงครึ่งทาง 300โลแล้ว เย้ๆๆๆ

305.2 km CP 4 : ศูนย์นวดแผนไทย รพ.แหลมงอบ 16:10 - 03:21  ตามแผนวางไว้ที่ 23.34 มาถึงจริง ตี 1 เหอๆๆๆ  ช้ากว่าแผน ชั่วโมงงครึ่ง

อาหารก่อนนอนของวันนี้คือ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล จริงๆเก๊าอยากกินข้าวต้มหมู (ยังจะเรื่องมากอีก) กินไป2ถ้วยตามแบบที่น้องพลับสอนไว้

ปั่นมา 300 กิโลเพื่อชามนี้ และอีก300 เพื่อกลับ TT


ทานเสร็จน้ำเนิ้มไม่อาบละ  หาที่นอนดีกว่า จะนอนที่ไหนดีน้าาา



ห้องสูตรเหมือนจะเต็มแล้ว 

ห้องติดถนน ก็น่าจะนอนไม่สบาย

อุ๊ย ห้องนี่น่าจะเลิศสุด การ์เด้นวิว

เช็คอินเรียบร้อย  ตั้งมอร์นิ่ง คอลไว้ตอน 2.30

นี่ฝ้าเพดานห้อง
 นอนกดมือถือเล่นแป๊บๆ  หลับคามือถือเลย โชคยังดีไม่ลืมตั้งเวลาตื่นไว้ พร้อมกับชาร์ทมือถือและการ์มินไว้
จขกท.ใช้รุ่น810 กินไฟมาก ยิ่งปั่นเหงาๆไม่มีอะไรทำยิ่งชอบไปกดหน้าจอให้มันสว่างเล่นด้วย

นอนไปฝันด้วยนะ ฝันว่าไปดูหนังจีนในโรงหนังแล้วไม่ใช่พากย์ไทยสะดุ้งตื่นมาตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาปลุก แต่ทำไมเสียในฝันยังดังอยู่
หันไปทางขวามือ  อ้อ......นักปั่นชาวต่างชาตินี่เองที่เข้ามาในฝันเรา (ไม่แน่ใจว่าสิงคโปร์หรือเปล่า) เม้ามอยกันเสียงดังเชียว แต่คงทำอะไรนักปั่นชาวไทยผู้อดนอนไม่ได้ เพราะก็ยังเห็นนอนกันนิ่งอยู่เลย 555 สรุปได้นอนไปชั่วโมงนึง จริงๆอยากนอนมากกว่านี้แหละ  แต่เสียดายช่วงเวลาอากาศดี ตอนนั้นคิดว่าถ้าจะนอน  ไปนอนตอนแดดแรงๆดีกว่า

ว่าแล้วก็เข้าห้องน้ำล้างเนื้อตัวเบาๆ เติมน้ำ เติมถัวเขียวอีกถ้วย (อร่อยนะเอ่อ) ตอนนี้เวลามีใครมาถามว่าปั่นไปไหน จะบอกว่าปั่นไปกินถั่วเขียวแล้วกลับคร้าบบ

ปั่นต๊อกแต๊กในความมืดคนเดียวไปเบาๆ มีฟ้าแลบไกลๆ แหม๋ ข้างหน้าฝนตก  จะโดนเรามั้ยนี่  กลางวันมีทำไมไม่รู้จักตกก็ไม่รู้
ปั่นคนเดียวยามค่ำคืนบนถนนเปลี่ยวๆจะเจออาราย   ติ๊ก ต๊อกๆๆ   ถูกต้องนะคร้าบบบ น้องหมาคร้าบบ   เป็นเรื่องสนุกของผมและหมาเลยเวลาเจอกัน บางตัวกระดิกหางก่อนเลยนะก่อนจะวิ่งเข้ามาเห่า ไล่กัดล้อ สมัยก่อนก็กลัวนะ แต่ตอนนี้ชอบมาก รู้สึกได้เล่นกับหมา คือพอเราเห็นหมาตั้งท่ามาแต่ไกลนะ เราก็ปรับระดับความเร็วให้พอประมาณ พอน้องหมาวิ่งไล่เข้ามาจะกัดล้อ เราก็ปรับความเร็วให้ใกล้เคียงกัน แล้วมาลุ้นดูว่าจะลากน้องหมาไปได้ไกลแค่ไหน สนุกดีแก้ง่วงไปได้เยอะ(นี่เพิ่งนอนมาไม่ใช่รึ) บางตัวลากไปได้เกือบ 300 เมตรเลยนะ

โชคดีที่ตอนปั่นไม่เจอฝนตก  เจอแต่ถนนเปียก แสดงว่าคนที่ออกมาก่อนหน้าผมคงเปียกกันแน่นอน

ปั่นมาซักพัก อยากกิน กาแฟปาท่องโก๋ ไข่ลวก ลุ้นๆว่าจะผ่านร้านไหนมั้ย สรุปไม่มีผ่านเลยต้องแวะ 7/11 ตามเดิม
แวะซื้อของกิน กาแฟเซเว้นแบบกด  แต่กินมากไปหน่อย เกิดอาการอาหารไม่ย่อย ปั่นๆไปคลื่นไส้ อ้วกไป 1 รอบ ตอนนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะว่าร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ แถมยังปั่นหลับในอีก  ไม่ไหวแล้ว  แวะหน้าบ้านใครก็ไม่รู้มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่ ตอนนั้นเวลาเกือบตี5 รอบข้างยังมืดอยู่ คือฟุบแป๊บเดียวก็หลับเลย โชคดีที่ตั้งเวลาปลุกไว้ ตั้งไว้ประมาณ 15 นาที

เอ่อเริ่มดีขึ้นหน่อย  แต่ยังพะอืดพะอม ปวดท้องอยู่ พอดีผ่านวัดแถวๆนั้น เลยขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย  อ้วกไปอีกหนึ่งรอบ พร้อมทั้งอ้วกทางปากล่างด้วย  555  สงสัยเพราะกินกาแฟกดที่7/11เพราะมันน่าจะผสมนมด้วย  พอดีจขกท.เป็นคนกินนมทีไรท้องเสียตลอด ครั้งนี่เลยออกมาซะเยอะเลย 555

รอบที่แล้วรถป่วย รอบนี้คนป่วย  โอ้ย จะดราม่าไปไหน

อาการดีขึ้นเยอะแล้ว ค่อยๆกระดึ้บๆ ไปเรื่อยๆดีกว่า พระอาทิตย์ขึ้นแล้วเดียวจะร้อนซะก่อน  เลี้ยวซ้ายที่แยกพลิ้ว เพื่อไปแหลมสิงห์ แถวๆ กม.373 ลมแรงมากกกกก กัมแล้วก้มอีกมุดแล้วมุดอีก ได้ความเร็ว 15 เต่าแทบกัดยาง

แล้วก็มาถึง กม. 388.1 Checkpoint 5: จุด ชมวิวแหลมสิงห์ 18:46 - 08:52 แผนวางไว้ว่ามาถึงตอน 7.02  มาถึงจริง 7.35 ช้าไปครึ่งชั่วโมง  แต่สภาพ ไม่ไหวแล้ว หมดแรง ขอนอนตายแพรบ เริ่มได้ยินคนขอถอนตัวที่จุดนี้เยอะ เพราะว่าคงเจอกระแสลมและแดดยามเช้าที่ไม่เท่าไรก็ร้อนซะแล้ว เลยถอดใจกัน  บางท่านมีรถเซอร์วิสติดตามมาด้วยตามจุด CP เลยง่ายที่จะถอนตัว คิดถึงตัวเองถ้ามีรถเซอร์วิสคอยตามอยู่ก็คงตัดสนใจ DNF ได้ไม่ยาก แต่พอดีไม่มีไง ก็เลยถอดใจได้ยากหน่อย

ที่จุดนี้มีหน่อยพยาบาลด้วยนะครับ มีการวัดความดัน  ตรวจอาการร่างกาย  พร้อมนวดคลายกล้ามเนื้อให้ด้วย
ปั่นออกมาตอน 8:30 มีเวลาเพื่อไปให้ทัน CP6 ตอน 13:19 (เริ่มไม่อิงเวลากับแผนที่ทำเอาไว้แล้วแล้วแค่ทันก็ชื่นใจแล้ว)  กับระยะทางอีก 66.6 กิโล  น่าจะปั่นไปหลับไปได้ทันอยู่  คือจากตอนแรกวางแผนตั้งใจว่าจะปั่นเบาๆ พักน้อยๆ  ตอนนี้เลยจะกลายเป็นปั่นก็ไม่ออก  ยังจะต้องแวะจอดหลับระหว่างทางอีก  การนอนไม่พอเป็นปัญหามากกว่าที่คิดนะครับ

เอาตัวจุ่มน้ำชุ่มๆ ก่อนออกเดินทาง เพราะต้องเจอแดดมหาภัย  ปั่นไปก็จะหลับไปต้องคอยแวะร้านค้าเติมกาแฟตลอดเวลา จนมาถึงขีดจำกัดตรงแถวๆกม. 414 ตรงวงเวียนพะยูนเล่นน้ำ คือปั่นต่อไม่ไหวจริงๆ หมดแรง ร้อนมาก จะหลับ แสบตรูดด้วย   เลี้ยวแวะหลบแดดสั่งอาหารประจำชาติ  กระเพราหมูสับไข่ดาว ระหว่างรอก็ แอบหลับหน่อย  หลังจากทานอิ่มแล้ว ก็ขอหลับอยู่ที่ร้านเค้าอีก 10 นาที ตั้งเวลาปลุกไว้ ตกใจสะดุ้งตื่นปัดขวดน้ำตกโต๊ะ  แม่ค้าหัวเราะใหญ่ คงสงสัยมันจะมาทรมานกันทำไมวะ  ก่อนออกก็ขอเติมน้ำแข็งแม่ค้ามาให้เติมกระติก จริงๆแล้วนี่แหละคือสูตรการปั่นทางไกลให้จบคือ  น้ำใกล้หมด  แวะร้านข้าว หลอยน้ำแข็งค้ามาด้วย เท่านี้ก็รอดตายไปชั่วโมงนึงแล้วกว่าน้ำแข็งจะละลาย

ระยะทางตลอดนี้ ร้อนมากกกกกกก

ระหว่างทางก็เจอนักปั่นแซงขึ้นไปเรื่อยๆ ใครแซงเราช้าหน่อย ก็กระโดดเกาะขา  สูตรเดิม พอง่วงมากๆ ก็แวะร้านค้า ซื้ออะไรกิน ขโมยน้ำราดตัวลดอุนหภูมิ จนได้ทริกมาอีกอย่างคือ ถ้าปากกำลังเคี้ยวอะไรอยู่มันจะไม่หลับ แต่ไม่อยากเคี้ยวหมากฝรั่งเพราะมันใช้พลังในการเคี้ยว(นี่ก็เกินไป๊)เลยขอเปลี่ยนเป็นอมลูกอมแทนมันก็พอช่วยได้หน่อยนึงเหมือนกันนะ ไม่มีหลับในเหมือนตอนช่วงเช้ามืด

ที่ CP6 คนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆแล้ว
454.7 กม. Checkpoint 6: ปากน้ำประแสร์ (เรือรบหลวงประแสร์) 20:57 - 13:19  ตามแผนเวลาคือ 11.33 ถึงจริง 12.25  ช้ากว่าแผนไปเกือบชั่วโมงนึง แต่มาได้ขนาดนี้ก็พอใจมากๆแล้วละ ที่จุดพักนี่ มีแตงโมอร่อยที่สุดในสามโลกอยู่ด้วย (จังหวะนี้กินอะไรก็อร่อยหมดแหละ) คือแตงโมเย็นๆ  มันอร่อยตรงเย็นนี่แหละ 555 แล้วก็นอนซักแป๊บนึง

มาถึงเรือยรบหลวงประแสร์แล้วนะรู้ยัง 

กำลังจะออกเดินทาง ยกขามายืดกล้ามเนื้อ    แว้วกกกกก!!! เป้ากางเกงแตก รอยยาวมาก ไม่ได้แตกแค่ตรงเป้าอย่างเดียวนะ แตกตรงขวงขาหนีบอีกด้วย  คิดดูปั่นกันโหดขนาดไหน กางเกงยังแหลกขนาดนี้แล้วตรูดจะไปเหลืออะไร  โชคดี พกกางเกงจักรยานมาอีกตัวนึง เลยรอดพ้นจากเรื่องอนาจารระหว่างปั่นไปได้

แวะเข้าห้องน้ำที่หลวงประแสเจอแม่บ้านว่าอีก  เป็นผู้หญิง ก็ต้องเข้าห้องน้ำผู้หญิงสิ ทำตัวเป็นผุ้ชายเข้าห้องน้ำผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง    เอิ่ม...... ป้าไม่ได้ดูหนวดผมหน่อยเหรอ ว่าไม่ได้โกนมาวันนึงแล้ว แค่ไว้ผมยาวเท่านั้นเอง

ส่วนตัวคิดว่า จุดนี้คือจุดชี้ขาดว่าจะจบทริปได้ทันเวลาหรือเปล่านะครับ เพราะ CP ต่อไป อยู่ กม.ที่ 550.4 กับเวลาหมดเขตเซ็นชื่อที่เวลา 19:42 ตอนนี้ออกตัวที่เวลา 13.30 มีเวลา 6 ชั่วโมงหน่อยๆ กับระยะทางอีกเกือบ 100 โล  ถ้าเป็นช่วงเวลาปรกติ สบายๆ แต่ช่วงเวลาที่ไม่ปรกติแบบตอนนี้ ก็ค่อนข้างกังวลเหมือนกันว่ามันจะไม่ทัน

ปั่นออกมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็แวะหาอะไรทาน  จริงๆไม่ใช่อะไร  น้ำแข็งหมด  ตัวแห้ง หาเรื่องแวะเติ่มน้ำแข็งกับเอาน้ำราดตัวนี่แหละ ห้องอยู่ที่ห้องน้ำที่หลวงประแส ไม่ได้เอาน้ำราดตัวแม่บ้านดุ

ตอนปั่นตามหาดต่างๆนี่ก็ตัวแทบนะปลิวลมทะเลแรงมาก แต่ยังดีหน่อยที่มันพัดเข้าด้านข้าง ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าต้องปั่นสวนกับลมแรงขนาดนี้ก็คงจะไม่รอด ปั่นเรื่อยๆมาจนถึงหาดแม่รำพึง ปรกติจะกลัวเรื่องตะคริวมาก จึงไม่กล้าปั่นเร็วหรือใช้แรงขามาก แต่ตอนนี้มันมาแล้ว มันมาครั้งนี้มันไม่ได้มาเกาะที่ขา  แต่มันมาเกาะที่เอว   T T  ทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่เคยตะคริวขึ้นเอว เลยจอดแวะกินพัดไทยข้างทางซะเลย (นี่มันหาเรื่องอู้จะกินหรือเปล่านี่)

CP6-CP7 เป็นระยะทาที่ไกลที่สุดของทริปนี้  ยาวจนชวนท้อใจเลยละ

ทานเสร็จ นอนอืดแป๋มนึง ก็เริ่มปั่นออกมา พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว แต่แสงยังแรงอยู่แยงตาดีเหลือเกิน วิ่งเส้นเรียบทะเล หาดแสงจันทร์ รถเยอะมาก แถมวิ่งกันไม่เป็นระเบียบเท่าไร ทำให้เสียจังหวะในการปั่นหมือนกัน แต่เส้นนี้จากที่เคยมาเที่ยวคนระยองเค้าใช้ในการปั่นจักรยานกันนะ  เค้าปั่นกันได้ยังไงหว่า รถเยอะแถมถนนไม่เรียบแบบนี้  ทางต่อไปค่อนข้างเข้าซอยช่วนงง พอดีมีขาแรงแซงไป ต้องกลั้ใจเกาะไม่ให้หลุด เพราะถ้าหลุดจะต้องมาเสียเวลาดูแผนที่เองดีไม่ดีหลงทางอีก ตามเค้าไปดีกว่า อย่างน้อยถ้าหลงเราก็ไม่หลงคนเดียว

ผ่านเข้ามาทางนิคมผาแดง มีเนิ่นสูงต่ำให้เล่นกันเล็กน้อย  แต่ตอนนี้แรงไม่ไหวแล้ว ขอปั่นเบาๆปล่อยเพื่อนๆแซงไปดีกว่า

พระอาทิตย์ตกดินรอบสองแล้ว

Checkpoint 7: Burger-Bus Coffee&Tea หาดพลา  00:09 - 19:42  แผนวางไว้ที่เวลา 17.35 มาถึงจริง 18.49 มาปุ๊บก็มืดปั้บเลย  ที่จุด CP นี้ ต้องเอาใบเสร็จ 7/11 ที่ CP2 มาใช้ในการอ้างอิงด้วย
อยากนอนพักเหมือนกัน  แต่สถานที่ไม่อำนวยเท่าไร เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปั่นกลางคืนหน่อย แอบหิวเบาๆเหมือนกัน

ปั่นออกมาคนเดียวอีกตามเคย ดูแผนที่เอาจากมือถือ ถ้าดูจากใน cuesheet อาจจะมีหลงเพราะว่าระยะทางที่วิ่งจริงกับตามแผนที่ห่างกันพอสมควรแล้ว  ตอนนี้ปั่นแทบไม่ไหวแล้ว แสบก้นมาก ไม่รู้ว่าเป็นแผลพุพองขนาดไหน เข่าก็ปวดจากตอนที่พยายามอัดตามขาแรงเพื่อไม่ให้หลงทาง ส่วนกล้ามเนื้อขานี่ ล้ามาตั้งนานแล้ว   และที่สำคัญ ง่วงมากกกกก  อะไรก็หยุดความง่วงนี้ไม่ได้นอนจากจะได้นอนสักหน่อย


เลยทนปั่นมาเรื่อยๆ ไม่เร่งไม่รีบ เน้นประคองตัวให้รอดให้ได้ ปั่นไปสัปหงกไป ห๊ะ อันตรายมาก ช่วงนั้นทำทุกทางที่จะให้มันหายจากอาการหลับในให้ได้  ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลงอะไรก็ว่าไป แต่ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรนึกได้แต่เพลงลอยกระทง ก็ไม่หาย พยายามทำตัวตื่นเต้นปั่นเร็วๆ น่องก็กระตุกอีก ส่วนของกินน่ะเหรอ  หมดไปนานแว้วจร้า หมดหนทางจริงๆ จอดแวะฉี่ข้างทางซะเลย ก็มันไม่มีที่ให้พักได้อ่ะ  ลงมาเปลี่ยนท่าทางยืดเส้นสายหน่อย ก็ดีขึ้นมาหน่อย แต่ดีแค่เดียวด๋าว สิบนาทีก็จะหลับอีกแล้ว ก็ต้องลงจากรถมาเปลี่ยนท่าทางอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอร้านค้านั้นแหละ ถึงแวะซื้อ กาแฟ น้ำของกินแก้ง่วงทั้งหลายติดตัวไป ด้วย สรุปทริปนี้ กินกาแฟไปทั้งหมด 10 กระป๋องได้
ปั่นต่อไปเรื่อยๆ จนถึงหาดจอมเทียน  พอรู้ว่าใกล้เส้นชัยแล้ว ใจก็ไม่เอาอะไรแล้ว  แรงหมด ปั่นประคองไปเบาๆเรื่อยๆ ดูความเร็วช่วงท้ายๆจะเห็นว่า ความเร็วจะอยู่ช่วง 15-18 เท่านั้นเอง


และสุดท้ายเราก็มาถึงจนได้ เย้.............ZZZZzzzzzzzz……

ช่วงสุดท้ายของเกมส์แล้ว ต้องต่อสู้กับความง่วง

หน้าปก พร้อมลายเซ็น เซ็นไม่เหนือมกันเล้ย


ด้านใน ตราประทับพร้อมเวลาจร้า


ใช้เวลาตามโควต้าจริงๆ เกือบ 40 ชั่วโมง




มาสรุปทริปกันดีกว่าครับ
ใช้เวลาไปเต็มที่ 39 ชั่วโมง กับอีก 39 นาที  หรือ 1 วันกันอีก15ชั่วโมงกว่าๆ

คิดเวลานอนรวมๆแล้ว น่าจะไม่ถึง สามชั่วโมง รวมวันที่นอนไม่หลับก่อนมาปั่นอีก เลยจะกลายเป็น 3วัน นอน 3 ชั่วโมงเอง

 - AV 15.3  นี่คือรวมเวลาปั่น จอด ทุกอย่าง ปั่นAudax คิดง่ายๆ ว่าให้AV ห้ามต่ำกว่า 15 ไม่งั้นถือว่าไม่ผ่านจะแจ๊ะ

 - หัวใจ เฉลี่ยอยู่ที่ 127 คิดเป็น% จะอยู่ที่ 64% ถือว่าอยู่ในช่วง Fat Burning Zone แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เพาะว่ารวมหัวใจเต้นตอนนอนพักด้วย  เพราะตอนปั่นจริงๆ หัวใจจะควบคุมให้อยู่ประมาณ 75 %

 - พลังงาน จากการประเมิน ไม่ใช่พลังงานใช้จริงนะครับ 12,425 kcal เผาไปเยอะมาก  แต่ก็น่าจะกินไปประมาณ 15,000 สรุปอ้วนกว่าเดิมนะ ฮะๆๆ

- ส่วนรอบขา อยู่ที่71 รอบต่อนาทีเท่านั้นเอง  เพราะเป็นการปั่นตามรอบขาที่เราถนัดไม่เน้นแรง เลยได้มาเท่าเนี๊ยะ ปรกติคนที่ปั่นกันน่าจะอยู่ที่ 80-100 รอบกันนะ


เป็นกราฟที่ยาวที่สุดในชีวิตการปั่นแล้ว

หลังจากปั่นเสร็จ ด้วยความว่าอยากกลับบ้าน แต่ก็ง่วงมากๆด้วย  ก็เลยตัดสินใจ กลับแบบไม่ขึ้นทางด่วน เพราะว่าจะต้องง่วงระหว่างทางแน่ๆ จะได้จอดแวะงีบข้างทางได้ สรุปว่า ออกจากพัทยาตอน ห้าทุ่มกว่าๆ  กลับมาถึงบ้านที่กรุงเทพตอนเกือบตีห้า เพราะต้องแวะนอนข้างทางทุกครึ่งชั่วโมง  การอดนอนมากๆ ร่างกายเรามันชัตดาวน์ อัตโนมัติ จริงๆนะครับ  ถึงใจจะสู้สติจะยังมี แต่พอมันจะชัตดาวน์เท่านั้นแหละ  ตาไม่สามารถโฟกัสอะไรได้อีกเลย อันตรายมาก ครั้งต่อไปถ้าต้องปั่นไกลแบบนี้อีก  จะเตรียมที่นอนไว้แถวเส้นชัยเลย

สภาพความเสียหายของร่างกายมีมากกว่าที่คิด ปวดขา ปวดคอ ไปเกือบทั้งสัปดาห์ และที่สำคัญ นิ้วโป้งเท้าข้างซ้าย ชาแบบไม่มีความรู้สึกไปครึ่งนิ้ว  สงสัยได้เวลาฟิตติ้งกับรถคันใหม่ได้หรือยังนี่ อิอิอิ (หาเรื่องอีกและ)

สรุปของสรุปนะครับ การปั่นทางไกลแบบ Audax การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ  ร่างกายมันก็จะมาพักผ่อนระหว่างปั่น นี่อันตรายมากๆนะครับ






วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Huai Wang Nong Reservoir Ubon Ratchathani


อ่างเก็บน้ำห้วยวังนอง จังหวัด อุบลราชธานี


ไปขุดหาเส้นทางที่เคยไปปั่นมาและเก็บภาพไว้  ผลคือ ลบรูปไปหมดแล้ว 555 คงเหลือแต่ ไฟล์ที่ Upload ไปยัง Youtube ไม่กี่ไฟล์ ระหว่างที่ยังไม่ได้ไปปั่นหาเส้นทางใหม่ๆ เลยขอเอาของเก่ามาขึ้นโพสต์ไว้ก่อนละกัน คงไม่ว่ากันนะครับ แฮ่ๆๆๆ

สำหรับเส้นทางที่จะมาแนะนำในวันนี้คือ เส้นรอบอ่างเก็บน้ำห้วยวังนอง จังหวัด อุบลราชธานี เป็นสถานที่ออกกำลังกาย โดยเฉพาะชาวจักรยานของเมืองอุบลจะมาออกกำลังกายที่นี่กันทั้งช่วงเช้าและเย็น ระยะทางหนึ่งรอบก็ 7.5km. เป็นระยะทางกำลังดี แต่ต้องแชร์เส้นทางกับรถปรกติด้วย ก็ปั่นกันระวังๆนะครับ  พิเศษช่วงเย็นถึงค่ำๆจะมีร้านอาหาร หมูจุ่มให้กินแก้หิวหลังจากปั่นมาเหนื่อยๆด้วย (ไม่ต้องผอมกันเลยทีเดียว)

อย่าไปจริงจังกับกราฟหัวใจที่มันสูงปรี๊ดๆนะครับ ขาอ่อนอ่ะ


คลิปนี้ถ่ายไว้ตั้งแต่ วันที่ 10/11/2013  นานมากแล้ว ไม่แ่ใจว่าบัจจุบันมีมาปรับปรุงพื้นผิวถนนไปขนาดไหนแล้วนะครับ เพราะวันที่ถ่ายคลิปนั้น ถนนเป็นผิวคอนกรีตแต่มีการหลุดร่อนของผิวหน้าเป็นบ้างช่วง  มีผลให้ถนนเป็นคลื่นๆ ถ้าใช้รถแบบที่ไม่มีระบบกันสเทือน ก็อาจจะสั่นๆหน่อยนะครับ  


ว่าแล้วก็ไปชมคลิปกันเลยดีกว่าเนอะ





วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Road Review Audax 400BRM, Chaopraya (30/5/15)






นี่เป็นโพสต์รีวิวทริปจักรยานครั้งแรกของผมนะครับ จริงๆจะเรียกว่ารีวิวก็คงไม่ถูก เอาเป็นว่าขอแชร์ ประสบการณ์ สำหรับขาอ่อนที่อยากลองเปรี้ยวกับการปั่นจักรยานทางไกล เผื่อจะเป็นแนวทางให้กับขาอ่อนท่านต่อไปที่กำลังลังเลว่า  จะลองดูดีมั้ย

 โดยทริปที่นำมาวันนี้คือ ทริปเจ้าพระยา ที่ปั่นจาก TOT หลักสี่ เรียบแม่น้ำน้อยไปชัยนาท แล้วปั่นกลับ TOT หลักสี่  รวมระยะทาง 407.8 โล ภายในเวลา 27 ชั่วโมง


ผิดพลาดอย่างไร พิมพ์แย้งหรือเสริมได้เต็มที่นะครับ

และแล้วก็มาถึงคืนวันก่อนที่จะไปออกทริป เอาของวางเรียงๆดูว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง  พยายามพกเกินไว้ก่อน ถือคติเหลือดีกว่าขาด 
ก่อนไป ให้เล่นกล้ามใหล่ไปก่อนนะ  ไม่งั้นกลับมาปวกใหล่นะเอ่อ เอิ้กกก
เตรียมของเสร็จ ก็ทำการโหลดคาร์บ ด้วยการกินปลาคราฟเป็นอาหารเย็น ไม่ใช่แระ  คือมื้อเย็นก่อนออกปั่นพรุ่งนี้จะเน้นแป้งเป็นหลัก กินให้เยอะให้จุกกันไปข้างเลย เพื่อให้ร่างกายเก็บเป็นพลังงานไว้ใช้พรุ่งนี้ทั้งวัน  
จะออกทริปทีไร  ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนผมหรือเปล่านะ ของผมจะตื่นเต้น  นอนไม่หลับ  และนี่ก็เป็นอีกทริปที่เป็นอย่างนั้น  นอนพลิกไปพลิกมา น่าจะได้หลับจริงๆตอนตี 2 แต่ก็ตั้งเวลาปลุกไว้ที่ ตี 5 สรุปได้นอนไปแค่ 3 ชั่วโมงเอง  แล้วจะต้องไปทริปอดนอนอีก เริ่มหวั่นใจว่าจะไม่ไหวซะแระ
ตื่นมาปุ๊บสิ่งแรกที่ทำเลยคือ กินครับ  กินไปเยอะๆเลย โดยผมแบ่งมือเช้าเป็น 2 รอบคือ

- มื้อเช้าที่ 1 ทูน่า ½ กระป๋อง ขนมปัง 4 แผ่น ตื่นปุ๊ปทานทันที  เพื่อให้ร่างกายย่อยให้เป็นพลังงานให้ให้ทันปั่น
- มื้อเช้าที่ 2 ทานก่อนออกตัว ทูน่า ½ กระป๋อง ขนมปัง 4 แผ่นและเครื่องดื่มเกลือแร่อีกป๋องนึง 
อันนี้มือเช้าที่ 2 ใช้หลังคารถเป็นโต๊ะกับข้าว
มาถึงก็ไปลงทะเบียนที่จุดลงทะเบียน
คนเริ่มมาถึงกันเยอะแล้ว ได้ยินว่ามีผู้มาปั่นประมาณ 500 ชีวิต
ลงทะเบียนเสร็จ ได้บัตรประทับตราและCuesheet  สำคัญมาก ห้ามหายนะแจ๊ะ
ข้างในมีช่องให้ประทับตราตามจุดต่างๆพร้อมบอกระยะทางและเวลาด้วยไปกันให้ทันนะพวกเธอว์
 ปกหน้าและปกหลัง มีชื่อที่อยู่คนปั่นพร้อม  และเบอร์โทรสำคัญในกรณีฉุกเฉิน
เริ่มออกตัว ที่ TOT ช่วงนี้ นักปั่นยังรวมตัวกันอย่างเหนี่ยวแน่น ผ่านถนนช่วงที่ไม่ดีช่วงเดียวคือ เส้น local road พอเลยช่วงถนนไม่ดีไป ก็พยายามคุมความเร็วอยู่ไม่เกิน 30 โชคดีที่ลมส่ง พยายามที่จะไม่ใช่แรงมาก เพราะ หนทางยังอีกยาวใกล
ดูจากกราฟ ความเร็วคงที่ แต่หัวใจ(เส้นแดง)เริ่มไต่เพดานขึ้นไปเรื่อยๆแล้ว T T
Checkpoint1 
มีตราประทับเป็นนิ้วหัวแม่มือ   น่ารักดีดูแล้วนึกถึงตอนสมัยเรียน ไม่มีเงินเที่ยว เอาเครื่องคิดเลขไปจำนำ อิอิ
มีอาหารว่างเป็นข้าวต้มมัด ผมไม่ได้ทาน ไม่อยากมือมันตอนแกะ แต่แอบอยากกินอยู่นะ
เติมน้ำเสร็จพักนิดเดียวพอ ตามคอนเซ็ปต์ขาอ่อน พอเห็นนักปั่นกลุ่มใหญ่เข้ามา  เลยรีบออกก่อนดีกว่า ถือคติปั่นเบาๆพักน้อยๆ แล้วไปต่อยัง Checkpoint 2 ขุมทรัพย์ความรู้ จ.อ่างทอง(AKAP)

ระยะทางจาก CP1 -CP2 อยู่ที่ 60 km.
หลังจากออกมาจาก CP 1 ก็เข้าสู่โหมดปลิงเต็มตัว เห็นใครต้องวิ่งเข้าไปเกาะ เลยทำให้รู้ถึงความอ่อนด๋อยขาอ่อนของตัวเองเต็มๆ เพราะ ขนาดตามดูดเค้าแล้ว หัวใจยังป้วนเปียนอยู่แถวๆ 170 ถือว่าสูงมาก สำหรับคนตามดูด 
ในใบ Cuesheet  บอกไว้ว่า ตั้งแต่กม. 119.4 - 190 ถนนย่อยเลียบแม่น้ำน้อย: จะมีSECRET CHECKPOINT ตั้ง อยู่ซักแห่ง
ปั่นเข้าเมืองไปหน่อย ไปหาอะไรทาน ช่วงนี้ไม่ได้อยู่ในแผน เลยทำให้เสียเวลาไปหน่อย กินพออยู่ท้อง ก็ออกปั่นกลับกทม. แระจ้า 



บางช่วงมีกลุ่มใหญ่ขาแรงแซงไป ด้วยจิตวิญญาณของปลิงไม่สามารถอดใจไม่ให้ตามดูดได้  แต่หัวใจทะลุไปถึง 176 เลยต้องยอมถอนตัว ออกมาปั่น ต๊อกแต๊กๆ  ไปคนเดียวยัน  CP2 ส่วนอากาศน่ะเหรอ ร้อนมากกกกกก กอไก่ล้านตัว ทั้งที่ยังไม่เที่ยง นี่ขนาดไปฝึกทนร้อนที่สนามเขียวมาทั้งวัน ยังไม่ร้อนเท่าวันนี้เลย  เมฆสักนิดก็ไม่มีให้เห็น คาดว่าฝนไม่มีทางตกเป็นแน่แท้

กม. 107.5Checkpoint2: ขุมทรัพย์ความรู้ จ.อ่างทอง(AKAP) 10:04-13:56  ตามแผนที่วางไว้ให้ถึงก่อน 12.30 แต่ตอนปั่นจริง มาถึงตั้งแต่ 11.09 เร็วก็จริง  แต่การไม่ปั่นตามแผนส่งผลให้ชีวิตหลังจากนี้เปลี่ยนไปจริงๆครับ 

อ่ะ มาดูใบเวลากันหน่อย
หิวมากทานอะไรไปจำไม่ได้แต่อร่อยสุดๆ กินไปถ้วยเดียวพอ เพราะยังไม่เที่ยงเลย  คงไปแวะหาอะไรทานข้างทางอีกที

ก่อนไปก็เติมน้ำแข็ง เป็นที่ต้องทำของทุกจุดพัก

ใส่เกลือแร่ซักหน่อย ดูแดดแล้ว คาดว่าต้องเสียเหงื่ออีกเป็นลิตรๆแน่



แล้วก็จริงดังที่คาดไว้ อากาศร้อนแบบจัดเต็ม ถ้าดูตามกราฟ อุณหภูมิจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ ช่วงที่ออกมาจาก CP2 อุณหภูมิ สูงขึ้นไปถึง 45 มาได้ข่าวตอนหลังว่ามีคนเป็นลมรถล้มด้วย 

45 องศา บ้าไปแล้ว
 ช่วงนี้กลุ่มนักปั่นจะเริ่มกระจายตัวแล้ว เลยกลายเป็นปลิงไร้เจ้าของ
เส้นทางต่อจากนี้เป็นเส้นทางเรียบแม่น้ำน้อย จะเป็นเส้นทางคอนกรีตผ่านชุมชน ซึ่งเป็นเส้น ไฮไลท์ของทริปนี้ มีพื้นแตก และเป็นเคลื่อนอยู่เป็นระยะตลอดทาง  สำหรับเสือหมอบโครงอลู เป็นอะไรที่ปั่นยากมากๆ  ตอนนี้ระบบมือ มาก  ก้นยังไม่เท่าไร เพราะยกจากเบาะได้  แต่มือนี่ต้องกำแฮนด์ไว้ตลอดเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ  เจอร้านค้า  เลยจอดแวะซื้อ น้ำ กับขนมปัง

รูปนี้ถ่ายที่หน้าร้านค้า

ขนมปังนี่นอกจากจะทานได้แล้วยังเอามามัดกับแฮนด์ใช้รองมือได้ด้วยนะ อิอิอิ 
 เข้ากม.ที่ 145 ไม่ไหวแล้ว หิวตาลายคล้ายจะหาเรื่องอู้นั่งพัก  ปั่นไปเจอร้านอาหารตามสั่ง เห็นมีเพื่อนนักปั่นจอดกินน้ำอยู่ ไม่รอช้า  เบรกตัวโก่งพร้อมบอกแม่ค้าว่า  ขอกระเพราหมูสับไข่ดาวครับ

อาหารประจำชาติ

ขนาดจอดตั้งนานกินข้าวแล้ว หัวใจยังเต้นที่ 65% อยู่เลย

 ก่อนออกมาก็ไม่ลืมที่จะขอน้ำแม่ค้ามาราดตัว  เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย   ส่วนตัวจะคิดว่า ถ้าเหงื่อออกเยอะจะเอาแร่ธาตุออกมาด้วย  แล้วถ้าตัวมีน้ำชุ่มแทนเหงื่ออยู่แล้ว เหงื่อก็จะไม่ออกอีก เพราะตั้งแต่เช้ามา ทานน้ำเข้าไปร่วม 4 ลิตรได้ ยังไม่ปวดท้องฉี่เลย

ซึ่งจุดๆนั้นก็อยู่เลยร้านข้าวมา 10 กิโลเอง  T T โดยมาแอบอยู่ที่ กม. 155
มาดูกราฟกันดีกว่า  จะเห็นว่า ตลอดทาง ทำคววามเร็วได้แค่ 20 เท่านั้นเอง เพราะถนนที่ไม่ดี (แต่วิวดี) 

จุดประทับตรา

SECRET CHECKPOINT จะประทับตรงด้านหลังเล่ม

เพื่อนนักปั่นที่เจอกัน ทุกสนามที่ไปเลย ทีม โคราช จอดนอนพักกัน  อดใจไม่ไหวนอนด้วย อ่า.....พื้นกระเบื้องทำไมมันเย็นสบายอย่างงี้ละเธ้อออ

มาดูผลของการใส่กางเกงขาสั้นปั่นกลางแดดเมืองไทย
นอนพัก เล็กน้อย พอเป็นพิธี (20นาที) ก็ออกไปหาแดดอีกครั้ง TT ก็ยังปั่นเรียบเส้นแม่น้ำน้อยต่อไปเรื่อยๆเหมือนเดิม  ปั่นช้าๆ ความเร็ว 20  โดนแซง ตลอด แต่ก็แซงกลับคืนตอนที่เค้าแวะพักกัน สรุปคือ ขาอ่อนให้กลั้นใจ ปั่นเรื่อยๆ พักน้อยๆนะคร้าบบ รับรองตามขาแรงพอได้อยู่นะ

ระยะทางหลังจากนี้ อีกร่ววม 60 โล ก็จะถึง ครึ่งทางที่ ชัยนาทกับแดด ช่วงบ่ายแก่ๆที่เข้ามาแทงสายตาตลอด มันชวนให้เหนื่อยความความเป็นจริงที่ควรจะเป็น  เอาน้ำราดหัวแล้วราดหัวอีก เผลอแพลบเดียว แห้งอีกแล้ว ราดมากน้ำมาชุ่มตรงโม่งช่วงจมูก หายใจไม่ออกอีก บ่นๆๆๆๆ 
กราฟดูหงิกงอมาก เพราะปั่นไป จอดไป เอาน้ำราดหัวไป แต่อย่างละไม่นานนัก

จอดแวะตามทางน้อยๆ แล้วก็แวะแค่ 5-10 นาทีพอ ดูเวลาแล้วยังอยู่ในแผนที่วางไว้ แล้วเราก็มุ่งตรงไปยังจุดกลับตัวเลยดีกว่าที่ Checkpoint 3: ศาลากลาง จ.ชัยนาท
 มาถึงCheckpoint 3 : ศาลากลาง จ.ชัยนาท กม.212.6 13:12-21:00  วางแผนไว้ว่ามาถึง ตอน 18.30  มาถึงจริง 17.50 ถือว่ายังอยู่ในเวลาตามแผนอยู่ แต่สภาพไม่ไหวจะเคลียร์แล้วหมดแรงกับแดดไปซะเยอะ 
ทำการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เข้ากับการปั่นเวลากลางคืนหน่อย 
มาถึงชัยนาทแล้วนะรู้ยัง 
กลางวันจะใส่เสื้อดำแขนยาวเพื่อกันแดด  กลางคืนจะใส่แขนสั้นสีขาว เผื่อความสบายตัวพร้อมใส่เสื้อสะท้อนแสงคลุมทับอีกทีนึง
ในศาลากลางเปิดแอร์ด้วย  ตายๆ  เผลอนอนไม่ได้นะ  มีหลับแน่ๆ

 แอบมีได้ยินว่ามีเพื่อนนักปั่นหลายท่านจะขอถอนตัวที่จุดนี้ ได้ยินก็เสียดายแทนนะครับ ผมว่าส่วนที่ยากที่สุดของทริปนี้ ได้จบไปแล้วนะ นั้นคือแดดอันโหดร้าย  (แต่หารู้ไม่มันมีสิ่งที่โหดร้ายกว่าแดดรออยู่นะ หึหึ)
เปิดเป๋า เปลี่ยนชุดหน่อย  
 แต่ๆๆๆๆๆ สายชาร์จที่ชาร์จมือถือไฟไม่เข้า  หลังจากนี้เลยไม่ได้ถ่ายรูปเท่าไรแล้ว  เซฟพลังงานมือถือไว้หน่อย

พระอาทิตย์ ตกดินไปอย่างสมบูรณ์ มองCuesheet ไม่เห็น ปั่นเก้ๆกังๆ ซักพัก ก็มีนักปั่นผู้แสนดีปั่นตามมา แล้วก็ช่วยนำเส้นทางพร้อมบังลมให้ 
ตาม Cuesheet จะมีบอกไว้ว่ามีจุดพักที่ปลอดภัยอยู่สองจุดคือ
กม. 232.5 ปั๊มน้ำมัน + จุดพัก
กม. 252.4 ปั๊มน้ำมัน + จุดพัก,
กลางวันมีแดด  กลางคืนก็มีลมนะคร้าบบ แถมแรงซะด้วย ตอนกลางวันรู้อยู่ว่าลมส่ง แต่ว่า เส้นทางไม่สามารถทำความเร็วได้ รู้สึกเสียของเหมือนกันนะ ฮึมๆ
เราแวะพักกันทุกจุดที่เค้าให้พัก ส่วนตัวผมรู้ตัวแล้วว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถปั่นไปเร็วกว่า 20 ได้ ก็บอกนักปั่นผู้บังลมให้ปลิงอวบๆตัวนี้ว่า “ไปก่อนได้เลยครับ ไม่ต้องรอผม” แต่ทางนั่กปั่นท่านนั้นก็ยืนยันว่า ปั่นกลางคืนอย่าปั่นคนเดียวเลย แล้วก็ค่อยปั่นเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ๆ ผมละแอบเกรงใจ๊เกรงใจ นี่แหละคือเสน่ของการปั่น Audax ละ
กม. 268.4 Checkpoint4: ร้านสะดวกซื้อ 7-11 14:55-00:40 วางแผนว่าจะมาถึงตอน 22.30  แต่มาถึงจริงตอน 23.00
 ช้าเพราะ ปั่นเร็วไม่ได้แล้ว พักในแต่ละจุดก็นานเกินไป ทำไงได้ ขาอ่อนนี่เนอะ ก็อ้างกันไป 

ที่จุดCPนี้ให้ซื้อของใน 7/11 แล้วเก็บสลิปมาประทับตราตอนเข้าเส้นชัย  แต่7/11 สาขานี้อยู่อยู่ในหลืบไปหน่อย ปั่นมาง่วงๆเกือบเลยแหนะ  ซื้อไข่ต้มทาน เติมน้ำให้เติม หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าทั้งความง่วงไปยังจุด CP5  มีระยะทางไม่ไกลนะ 38 กิโลเอง  แต่ปั่นคนเดียวในความง่วงนี่รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไกลมากๆเลย




 ปั่นคนเดียว ง่วงมากกกก มืดด้วย  แต่ดีหน่อย มีหมาค่อยวิ่งไล่เป็นระยะ  ทำให้ตื่นเต้นขึ้นบ้างเป็นช่วงๆ 
ความเร็วอยู่ที่ 17-18 ช่างเศร้าใจยิ่งนัก ตอนแรกก่อนจะมาปั่นตั้งใจไว้เลยนะว่าจะไม่นอนพัก แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ปั่นผ่านศาลาข้างทางใจก็อยากจะเข้าไปแวะพัก แต่ก็ไม่กล้า  แบบว่ากลัวปี๋อ่ะ ปั่นไปหลับไป ส่วนตัวไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ให้เดาก็น่าจะเกิดมาจากอากาศตอนกลางวันที่ร้อน รวมกับอดนอนเมื่อคืน ทำให้มีสภาพนี้  ตอนกลางวัน ร้อนไงกินน้ำไปเท่าไรฉี่ก็ไม่ออก  พอมาตอนกลางคืนนะออกได้ออกดี  จอดแวะในพงหญ้าตั้งหลายรอบ ฉี่ไปก็หวิวๆไป ก็รอบข้างมันมืดหมดเลยอ่ะ ร้านค้าอะไรก็ไม่มี  บรื๋อยยยยย

กม. 307.0  Checkpoint5: ขุมทรัพย์ความรู้ จ.อ่างทอง (AKAP) 16:06-03:12 วางแผนว่าจะมาถึงตอน 00.30  แต่มาถึงจริงตอน 1.00  ช้ากว่าแผนครึ่งชั่วโมงนี่รับได้  แต่ๆๆๆๆๆ ตอนนี้ร่างกายไม่ไหวแล้ว  กระหายหมอนและที่นอนอย่างมาก ทานข้าวต้ม พร้อมไข่ต้ม ไปอย่างละ 3 เผื่อว่ามันจะเข้าไปซ่อมร่างพังๆนี้ได้ ว่าแล้วก็ตั้งเวลา ตื่น ซัก 2.30 

ตอนนอนคนยังไม่เยอะเท่าไร  แอบเซลฟี่เล็กน้อย

พอตื่นมานี่  โว๊วววว แทบไม่มีทาเดินเลยจร้า 5555

 มีรถไฟหลายขบวนเลยที่อยู่ในห้องนี้(ไม่รู้ตัวเองเป็น 1 ในนั้นหรือเปล่า)  เข้าใจดีเลยเพราะแต่ละคนคงเหนื่อยกันมากแน่ๆ
ล้างหน้าล้างตา ทานข้าวต้มอีกชามพร้อมกาแฟ ออกตัวปั่นต่อ ตอน 3.00 ตรง  ระหว่างนี้ก็มีนักปั่นทยอนเข้ามาเรื่อยๆ  คนต้มข้าวต้มนี่ต้องต้มกันหลายหม้อเลย  แต่ละคนเข้ามานี่เป็นเสือโหยกันทั้งนั้น

พอออกปั่น ถึงรู้ว่า เซนเซอร์ ต่างๆหลุดหมดเลย ไม่ว่าจะเป็น หัวใจ รอบขา ความเร็ว 
แต่ยังโชคดีที่ GPS ไม่ได้หลุดไปด้วย ตอนนี้ในกราฟจะเหลือแค่เส้นเดียวแล้วนะครับ ไม่ต้องแปลกใจ
ไม่น่าเชื่อว่าการนอนเพียงแค่ ชั่งโมงครึ่งจะทำให้มีแรงกลับมาได้เกือบเหมือนปรกติ ยกเว้นเรื่อปวกตรูดนี่  ทำไมมัปวดขึ้นแฮะ 
ปั่นไปเจอกลุ่มนักปั่นกลุ่มเล็กๆ มากัน 3 คัน แต่การประสานงานยอดเยี่ยมมาก  พลัดกันบังลมทุก 2 นาที ความเร็วกำลังดี ด้วยจิตวิญญาณแห่งปลิงแล้ว มีรึจะปล่อยให้เหยื่อหลุดล้อไปได้ง่ายๆ ทำการดูดจนมาพักที่ 7/11 โดยช่วยเหลือแค่ส่งกำลังใจให้เพียงอย่างเดียว แฮ่ๆๆ ขอบคุณมากๆครับ
แต่แรงมันกลับมาได้แค่ 2 ชั่งโมงเท่านั้นแหละ  อย่างเพิ่งดีใจไปปลิงเอ๋ย  

กม. 345.6  Checkpoint6: สายตรวจจักรยานอยุธยา 17:17-05:44 วางแผนว่าจะมาถึงตอน 03.00  แต่มาถึงจริงตอน 04.50
 ช้าเพราะนอนไปชั่วโมงครึ่งนั้นแหละ   แต่ถ้าไม่นอน  ก็คงไปหลับอยู่ข้างทางอยู่ดี  แวะปั้มตรา เติมน้ำ  แล้วปั่นเดี่ยวต๊อกแต๊กออกมาเลย อีกแค่ 60 โลก็ถึงแล้ว พอบอกตัวเองอย่างงั้นก็มีกำลังใจในการปั่นหน่อย
ปั่นมาในเส้นทางที่คุ้นเคยแล้ว สมัยก่อนปั่นมาเส้นนี้บ่อยอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพราะมากับทริปลุงโท ปั่นกลับก็คิดถึงความหลังจนเริ่มง่วงขึ้นมาอีกแล้ว เลยกะว่าจะแวะทานกาแฟที่ ที่ทำการกาแฟ แต่พอปั่นไปถึงร้านยังไม่เปิด เห็นพระอาทตย์ขึ้นแล้วก็จริง  แต่ตอนนั้นยังเป็นเวลา 5.45 น. อยู่เลย 
วิธีแก้ง่วงเมื่อไม่มีกาแฟทำอย่างไร ง่ายๆเลยก็แวะหลับสิ ว่าแล้วก็แวะศาลา นอนซักงีบ  ตั้งเวลาไว้ 15 นาที 

รูปนี้ถ่ายตอนก่อนจะแวะงีบตรงศาลา บัวสวยเชียว เวลา 5.45 พระอาทิตย์หน้าร้อนออกมาแว้ว
 ตื่นมาปั่นต่อ พระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ใส่เสื้อแขนสั้นด้วย ทำไงดีๆ แวะกินข้าวมันไก่ดีกว่า (เกี่ยวกันมั้ย) ที่กม390 

ระหว่างทางก็จะเจอกับนักปั่นที่ใช้เส้นทางนี้ในการออกกำลังกายซ้อมปั่น สวนทางมา และเป็นธรรมเนียมที่พอสวนกัน จะต้องโบกมือทักทายกัน แต่ผมในตอนนี้ ไม่ไหวแล้วง่วงแมกก คอตกก้มหน้าก้มตาปั่นมีแค่แรงโฟกัสแค่เส้นทางอย่างเดียว เลยไม่ได้โบกมือทักทายใครเลย ถ้าวันนั้นใครโบกมือทักทายผู้ชายผมยาวๆแล้วไม่ทักตอบนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ 

แล้วปั่นต่อมาหนักใจตรงเส้น local road นี่แหละ มือระบม ก้นระบม มาเจอถนนระบมอีก พูดแล้วง่วงเลย คลานมาเรื่อยๆดูจากเส้นความเร็วก็น่าจะทราบได้ว่าไม่เหลือแรงที่จะปั่นต่ออีกแล้ว ในใจตอนนั้นถอดในจากทริป 600 โลแล้วนะครับ คิดว่าคงไม่ไหว  


แต่ในที่สุด   ในที่สุด  น้ำตาจะใหล เราก็มาถึงจุดหมายซะที  โอ้วพระกล้วยยย

ปั่นตอนหมดแรง  จะได้กราฟทรงแปลกๆแบบนี้

มาถึงซะที่ ที่จุดประทับตรา ตอนนั้นบอกว่า เพิ่งมาถึงได้ร้อยกว่าคนเอง ถอนตัวไปเยอะ  คงจะเพราะพิษแดดนั้นแหละ

ประทับตราเสร็จเค้าก็ยึดไป เพราะสั่งซ้อเหรียญ  แต่ขอถ่ายไว้เป็นที่ระทึกหน่อย

ข้อมูลหัวใจ กับรอบขาหายไปแระ 
รถคู่ใจ  ซื้อคันแรก ก็ยังใช้มาจนถึงทุกวันนี้ 




สรุปทริปนี้ หลุดจากที่วางแผนไว้  ชั่วโมงครึ่ง ตอนแรกกะว่าจะจบให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงแบบไม่นอน แต่ทำไม่ได้ เข้าเส้นจริงตอน 8.40

สิ่งที่ต้องปรับแก้หลังจากจบทริบนี้คือห้ามปั่นเร็ว ให้ปั่นไปตามที่เราถนัด อันนี้สำคัญ คิดว่าถ้าช่วงกลางวันไม่ปั่นจนหัวใจขึ้นไปถึง 170 ยาวๆ คงไม่โทรมขนาดนี้  แต่ปั่นช้าก็มีข้อเสียนะ  ปวดก้นมาก  จนตอนนี้ยังเป็นแผลอยู่เลย ปวดมือ อันนี้น่าจะมาจากรถ  แต่รู้แล้ว ขนมปังเอามารองแฮนด์ได้ 555  ไม่ต้องเปลี่ยนรถใหม่ (แต่ถ้าเปลี่ยนรถใหม่มันจะเป็นยังไงว้า.......พูดแล้วรู้สึกคันๆแฮะ)

ขอจบการรีวิวพร้อมการบ่นไว้เพียงเท่านี้ครับ  แค่นี้ก็พิมพ์ยาวที่สุดในชีวิตแล้ว 555  มีท่านใดอยากเสริม เชิญได้เติมที่เลยนะครับ จะได้เป็นข้อมูลให้กับหลายๆท่านที่ยังไม่เคยลองปั่น 400 โล ว่าขออ่อนซ้อมน้อยก็จบได้ แต่ต้องวางแผนให้เหมาะกับร่างกายของตัวเองนะ
รอบหน้า 600 โล ถ้าเจอผู้ชายผมยาวๆ เข้ามาทักทายกันได้นะครับ (ถ้าจะให้ดีก็บังลมให้ปลิงอ้วนๆตัวนี้ด้วยนะครับ อิอิ)